ความรู้ เรื่องปุ๋ยเคมี
ในอดีตเมื่อทำการเพาะปลูกเพียงรดน้ำพรวนดินก็ได้ผลผลิตแล้ว เพราะธาตุอาหารต่างๆในดินยังคงมีอยู่มาก ต่อมาเมื่อหน่วยงานต่างๆ ผลักดันให้ ภาคการเกษตรที่เคยผลิตเพื่อเลี้ยงชีพ เปลี่ยนเป็นรูปแบบผลิตเพื่อการค้า ซึ่งหมายความว่า ต้องทำให้ผลผลิตต่อไร่สูงๆ เพื่อสร้างผลกำไรจากการขาย การใส่ปุ๋ย เคมี มีข้อดีในแง่ที่มีธาตุอาหารหลัก(N-P-K)มาก จึงทำให้ในช่วงแรกพืชเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ได้ผลผลิตมาก แต่ปุ๋ยเคมี ไม่มีธาตุอาหารรองและเสริม เมื่อธาตุรองและเสริมในดินถูกใช้หมด ผลผลิตที่ได้ก็ลดน้อยลง เกษตรกรไม่รู้ก็ยิ่งใส่ปุ๋ยเคมีมากขึ้นอีก ต้นทุนก็จะยิ่งสูงขึ้น กำไรจึงลดน้อยลง
ปุ๋ยเคมี คือ
ปุ๋ยเคมี (Chemical fertilizers) หมายถึงปุ๋ยที่ได้จากสารอนินทรีย์ หรืออินทรีย์สังเคราะห์ ซึ่ง มีธาตุอาหารหลัก NPK โดยมีขบวนการตั้งต้นมาจากก๊าซแอมโมเนีย (NH3) ซึ่งได้มาจากการสังเคราะห์น้ำมัน และเมื่อนำมารวมกับ กรด โดยผ่านขบวนการทางเคมี จะได้ธาตุ N P K ออกมาเป็นแม่ปุ๋ยสูตรต่างๆ แล้วแต่ว่าจะใช้ กรด ชนิดใดในการทำปฏิกิริยา (ดังนั้นหากใช้ปุ๋ยเคมีไม่ถูกวิธีจะทำให้ดินเป็นกรด) ประเทศไทยยังไม่มีโรงงานผลิตแม่ปุ๋ย เพราะต้นทุนการผลิตสูง จึงนำเข้าแม่ปุ๋ยมาจากต่างประเทศ เช่น ยูเรีย แอมโมเนียเหลว หินฟอสเฟตและโพแทสเซียมคลอไรด์ เป็นต้น เมื่อโรงงานปุ๋ยในประเทศได้แม่ปุ๋ยมาแล้ว จึงผลิตปุ๋ยโดยนำแม่ปุ๋ยมาผสมปั้นเป็นเม็ด โดยมีแม่ปุ๋ยตั้งแต่หนึ่งตัวขึ้นไปตามสูตรที่ต้องการเช่น ปุ๋ยสูตร15–15–15หมายความว่า จะนำแม่ปุ๋ยมาคำนวณให้ในเนื้อปุ๋ย 100กิโลกรัมมี ไนโตรเจน(N)อยู่15กิโลกรัม ฟอสฟอรัส(P)อยู่15กิโลกรัม และมีโปแตสเซียม(K)อยู่15กิโลกรัม รวมเป็น45กิโลกรัม และอีก55กิโลกรัมที่เหลือจะเป็นสารเติมแต่ง(ฟิลเลอร์) เพื่อให้ได้ปริมาณครบจำนวน100กิโลกรัม ซึ่งฟิลเลอร์ที่เติมเข้าไปก็คือ ดินขาว(Clay) นั้นเอง ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าปุ๋ยเคมีที่เกษตรกรซื้อ จะเป็นดินขาวอย่างน้อย 50เปอร์เซ็นต์(%) ดินขาวจะมีส่วนช่วยในการปั้นเม็ดให้กลมสวย ทำให้เม็ดปุ๋ยมีความแข็งไม่แตกร่วนในขณะเก็บไว้นานๆ รวมถึงช่วยเหนี่ยวรั้งไนโตรเจน(N) ซึ่งเป็นธาตุอาหารหลักตัวหนึ่งในเนื้อปุ๋ย ไม่ให้สลายตัวไปกับอากาศเร็วเกินไป แต่ดินขาวเองไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อพืชแต่กลับเป็นข้อเสีย เพราะดินขาวจะแทรกตัวไปอัดแน่นอยู่ในช่องว่างของดิน และยึดเกาะเม็ดดินให้จับตัวกันแน่นขึ้น พร้อมกับขับไล่อากาศที่มีอยู่ในดินออกไป ดังนั้นดินที่มีการใช้ปุ๋ยเคมีติดต่อกันมาโดยตลอด จะมีสภาพเป็นกรดและแข็งกระด้าง
จริงหรือไม่ ที่ปุ๋ยเคมีที่มีสูตรที่สูงๆยิ่งดี ปุ๋ยสูตรต่ำสารอาหารจะไม่เพียงพอ
ปุ๋ยที่มีสูตรที่สูงๆ หากพืชสามารถกินได้ทันที กินได้หมด ก็จะดีมีประโยชน์ แต่ความจริงแล้ว พืชจะไม่สามารถกินปุ๋ย N P K ได้ทันที ต้องเปลี่ยนรูปไปเป็นสารอาหารที่พืชสามารถดูดกินได้ก่อน ซึ่งหน้าที่เปลี่ยนสารอาหารนี้คือหน้าที่ของจุลินทรีย์ชนิดดีในดิน แต่การใช้ปุ๋ยเคมีมากๆหรือใช้มานาน จะทำให้จำนวนจุลินทรีย์ชนิดดีที่คอยทำหน้าที่เปลี่ยนสารอาหารเกิดการชะงัก ทำให้การเปลี่ยนสารอาหารลดน้อยลง จนกระทั่งไม่สามารถ เปลี่ยนสารอาหารให้พืชกินได้ทัน พืชจึงเจริญเติบโตช้าและให้ผลผลิตน้อย เกษตรกรจึงคิดว่าสารอาหารในดินไม่เพียงพอจึงเติมปุ๋ยเคมีลงไปอีก หรือเปลี่ยนไปใช้ปุ๋ยที่มีสูตรสูงขึ้น ซึ่งเป็นการแก้ไขที่ผิดวิธี สิ้นเปลืองเงินไปโดยไร้ประโยชน์ และยิ่งส่งผลเสียต่อจุลินทรีย์และดินมากยิ่งขึ้น
จริงหรือไม่ ปุ๋ยเคมีควรใช้ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ดีที่สุด
จากคำพูดดังกล่าว น่าจะดีแต่ทำได้จริงหรือไม่ หากจะทำจริงต้องใช้ปุ๋ยเคมีกี่ส่วนต่อปุ๋ยอินทรีย์กี่ส่วน ปุ๋ยเคมีควรเป็นสูตรใด ปุ๋ยอินทรีย์ใช้ชนิดไหน (อินทรีย์ทั่วไป คอก วัว ไก่ หมู ค้างคาว ชีวภาพ จุลินทรีย์) แล้วจะใส่อย่างไร เคมีก่อนหรืออินทรีย์ก่อน หรือพร้อมกัน แล้วจะใส่ช่วงไหนดี แน่ใจได้อย่างไรว่าจะออกมาดี การใช้ปุ๋ยจึงควรพิจารณาให้เหมาะสมก่อนใช้
*** การจะเลือกใช้ปุ๋ยประเภทใด ก็ขอให้พิจารณา ตัดสินใจเลือกใช้ปุ๋ยที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด
Knowledge of chemical fertilizer.
Knowledge of chemical fertilizer. In the past, when crop production is also water and earth bunch. Because nutrients in the soil are still very Later, when the agencies encourage agricultural production to ever live Change the format for commercial production. This means that Have high yields per rai. To generate profits from sales of chemical fertilizer has many advantages in terms of major nutrients (NPK) lot. Making the first crops grow very quickly, but yield no fertilizer nutrients and supplements secondary. When secondary and supplementary elements in the soil is exhausted. Production has also decreased. The more farmers know more chemical fertilizer again. The higher the cost. Profits are reduced.
Fertilizer is.
Chemical Fertilizer (Chemical fertilizers) mean fertilizer from substances inorganic Organic or synthetic, which are key elements NPK, with the process starting from ammonia gas (NH3), which is derived from synthesis gas. When combined with acid through chemical processes can be converted into template elements NPK fertilizer formulas. Depending on what type of acid used in the reaction. (If not using chemical fertilizers to the soil is acidic), Thailand has no parent plant fertilizer Because of high production costs. Fertilizer import templates from various countries such as urea, ammonia liquid. Phosphate and potassium chloride, etc. When the mother plant fertilizer in fertilizer ago Fertilizer is fertilizer mixed with the mother mold granular The fertilizer from one parent up to the formula as 15-15-15 fertilizer formula means that Fertilizer is used to calculate the mother inside fertilizer 100 kg have Nitrogen (N) is 15 kg. Phosphorus (P) is 15 kg. Potash and potassium (K) is 15 kg. Total of 45 kg. And the other remaining 55 kilograms will be additive (filler) to get the full amount of 100 kg. The filler is added to clay (Clay) itself, so can be said that the farmers buy fertilizer. Kaolin is a minimum. 50 percent (%) Kaolin will contribute to the round piece of beautiful sculpture. Fertilizers made with grain hardness, brittleness, while not significantly stored for a long time As well as help curb nitrogen (N), which is one of the main nutrient fertilizer meat. Not to decay too quickly to the air. But clay itself is not useful to plants, but a disadvantage. Because clay is to insert a space in the packed soil. Seed and soil adhesion to catch up the compact. With the expulsion of air in the soil away. Therefore, the use of soil fertilizer consecutive always Acidic conditions and is hardened.
True or not a chemical fertilizer with a formula that better high.
Low-nutrient fertilizer formula is not enough. Fertilize with a formula that high. If the plant is edible to eat right away will be good all the benefits. Actually though. Plants can not eat NPK fertilizer must be immediately changed into a form that plants can suck nutrients before eating. This nutrient is responsible for varying functions of a good microbes in the soil. But the use of chemical fertilizer or very long. Is the number of microbial species better served waiting to change the nutrient arrest Changing the food is reduced. Until it can not. Change nutrients to plants to eat to keep up. Plant growth is slower and less productive. Farmers thought that not enough nutrients in the soil is to add more fertilizer. Or switch to a fertilizer with a formula higher. That is editing the wrong way. Wasting money by useless And even negatively impact soil microorganisms, and more.
True or not to use chemical fertilizers with organic fertilizer best From these words.
Should be good, but it would work or not. If you do actually need to use chemical fertilizer, organic fertilizer, a few of the many parts. Fertilizer should be any formula. Which type of organic fertilizer use. (General Organic Chicken Fried Beef stable microbial bio-bats) and how to enter. Organic chemicals before or prior to or simultaneously and where to put the good Sure how that will come out better. The fertilizer should be considered before the appropriate use *** Can choose the kind of fertilizer. Is asked to consider Decision to use fertilizer most appropriate and cost effective.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น